Honda ACCORD HYBRID : แรงที่สุด ประหยัดที่สุด (20.52 กม./ลิตร!)
"ประหยัดกว่า Brio น้องเล็กในตระกูล Honda บ้านเรา ด้วยซ้ำเนี่ยนะ!
เหลือเชื่อไหมละครับ?
ตัวเลขที่ออกมา ประหยัดมากขนาดนี้ ทำให้ Accord Hybrid ใหม่ ทำตัวเลขอัตรา
สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แซงหน้า Toyota Camry Hybrid ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์
ประหยัดน้ำมันมากสุดในกลุ่ม D-Segment ของบ้านเรา รวมทั้งยังแซงหน้าเหล่า
ฝูง ECO Car 1,200 ซีซี , B-Segment Sub-Compact 1,400-1,600 ซีซี,
C-Segment Compct-Class 1,600 - 2,000 ซีซี และรถกระบะทุกรุ่นที่ผลิต
ขายอยู่ในตลาดเมืองไทย (ไม่นับ Premium Brand) ไปหมดเรียบร้อย
ขึ้นแท่น "รถญี่ปุ่นประกอบในประเทไทย ที่ประหยัดน้ำมันสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการ
ผลิตขายในบ้านเรา" ไปครองเป็นผลสำเร็จ!!
แม้จะยังไม่อาจโค่นตำแหน่ง สุดยอดรถยนต์ประหยัดน้ำมันที่สุด เท่าที่ทางเว็บไซต์
Headlightmag.com ของเราเคยทำการทดลองมา อย่าง BMW 320d F30
Saloon (20.6 กิโลเมตร/ลิตร) ลงได้ แต่ตัวเลขที่ออกมา มันก็ฉิวเฉียดเบียดกัน
อย่างมาก!
Accord Hybrid ใหม่รุ่นที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2004 ออกสู่ตลาดอเมริกาเหนือพร้อมกับ
พี่น้องตระกูล Accord G9 เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2012 ก่อนที่เวอร์ชัน
ญี่ปุ่นจะถูกเปิดตัวในอีกครึ่งปีถัดมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2013 ที่ผ่านมา โดย
ใช้กระจังหน้า และเปลือกกันชนหน้าสไตล์ โฉบเฉี่ยว Aggressive ทั้ง 2 ตลาด
จะมีให้เลือกทั้งรุ่น Hybrid มาตรฐาน และรุ่น Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กชาร์จไฟ
เข้ากับระบบไฟบ้านได้ทันที
แต่สำหรับเวอร์ชันไทย ของ Accord Hybrid เปิดตัวครั้งแรกในบ้านเราเมื่อวันที่
1 กรกฎาคม 2014 ล่าช้ากว่าตลาดญี่ปุ่น 1 ปี อีกทั้งยังเป็นรุ่น Hybrid มาตรฐาน
ไม่มีรุ่น Plug-in Hybrid มาให้เลือกแต่อย่างใด
ออกจะน่าเสียดาย ที่ Honda ไม่ตัดสินใจนำรุ่น Plug-in มาประกอบ มิเช่นนั้น คงได้
เครดิตว่าเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid ประกอบเมืองไทย รายแรกในประวัติศาสตร์
แต่ ถ้าเอาเข้ามาแล้ว ต้องขายคันละ 2,500,000 บาท คุณๆ ก็คงจะหันไปหาบรรดา
Premium Compact ทั้ง BMW 3-Series และ Mercedes-Benz C-Class
กันแทน...จริงไหม?
ตัวรถมีขนาดเท่ากันกับ Accord 2.0 และ 2.4 ลิตร ที่ผลิตขายกันอยู่ในเมืองไทย
ด้วยความยาว 4,915 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร สูง 1,465 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงตัวถัง (Ground Clearance)
130 มิลลิเมตร
เมื่อมองจากภายนอก รายละเอียดความแตกต่างจาก Accord G9 รุ่นมาตรฐาน
มีเพียงไม่กี่รายการ ได้แก่ ชุดไฟหน้าแบบ LED ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า มาพร้อม
กระจังหน้าลายใหม่ ดีไซน์พิเศษ ตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue มาในโทน
สีฟ้ารักโลก
อย่างไรก็ตาม ชุดกระจังหน้า และกันชนหน้าของ Accord Hybrid เวอร์ชันไทย
ยังคงถูกปรับปรุงบนพื้นฐานของชุดไฟหน้า กระจังหน้า และเปลือกกันชนหน้า
จาก Accord G9 เวอร์ชันไทย ซึ่งมีหน้าตาเรียบง่าย เหมาะกับรสนิยมของลูกค้า
ชาวไทย มากกว่า หน้าตาหวือหวาล้ำหลุดโลกแบบเวอร์ชัน ญี่ปุ่น / อเมริกาเหนือ
หันไปดูด้านหลัง ชุดไฟท้าย ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันใดในโลก รวมทั้งเมืองไทย ก็จะ
ใช้ชุดไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า แบบเดียวกันหมด
นอกจากนี้ ยังติดตราสัญลักษณ์ HYBRID เอาไว้ที่ ฝากระโปรงหลัง บริเวณฝั่งขวา
ใต้ช่องใส่ป้ายทะเบียน และ บริเวณเปลือกตัวถัง ระหว่าง ซุ้มล้อคู่หน้า และบาน
ประตูคู่หน้า
อีกความแตกต่างสำคัญ อยู่ที่ การเปลี่ยนลายล้ออัลลอย เป็นแบบปัดเงาสีเงิน ตัด
ขอบด้านในด้วยสีดำ ตามสมัยนิยม รุ่น มาตรฐาน ใช้ล้ออัลลอยลายใบพัด ขนาด
17 นิ้ว x 7.5 JJ พร้อมยางขนาด 225/50R17 ขณะที่รุ่น TECH จะเปลี่ยนเป็น
ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว x 8 JJ สวมด้วยยางแบบรักษ์โลกขนาด 235/45R18
กุญแจยังคงเป็น Remote Control แบบ Keyless Smart Entry เหมือน
Accord G9 รุ่นอื่นๆ เพียงแต่ว่า ประดับด้วยพลาสติกสีฟ้าใส มาพร้อมสวิตช์ติด
เครื่องยนต์ แบบกดปุ่ม สีแดง (อันที่จริงต้องเรียกว่าสวิตช์ Power เปิดระบบ
ขับเคลื่อนให้ทำงาน แบบรถยนต์ Hybrid ทั่วไป ที่ไม่ใช่การสั่งติดเครื่องยนต์
อย่างเดียว เหมือนรถยนต์ขุมพลังสันดาป)
เพียงแค่พกรีโมทกุญแจไว้กับตัว ก็สามารถดึงมือเปิดประตูคู่หน้าบานใดก็ตาม
เพื่อเข้าไปนั่งในรถได้ทันที แบบเดียวกันกับรถยุโรปรุ่นใหม่ๆ หลายๆรุ่น หรือ
ถ้าช้อปปิงมาเยอะ คุณก็สามารถเปิดฝากระโปรงท้ายได้โดยกดปุ่มที่ติดตั้งอยู่
บริเวณเหนือกรอบป้ายทะเบียน ด้านหลัง ถ้าต้องการล็อกประตู ก็แค่กดปุ่มบน
มือเปิดประตู คู่หน้า ทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือกดปุ่ม Lock บนรีโมท แต่ถ้า
หากมีกุญแจอยู่ในห้องโดยสาร หรือว่าอยูในฝากระโปรงท้าย ระบบจะล็อกได้!
ตรงนี้ยังคงต้องระวังนิดนึงนะครับ!
ภายในห้องโดยสาร ในภาพรวม ก็เหมือนกับ Accord G9 รุ่น 2.4 TECH
ตัวท็อป ถ้าคุณเลือกสีตัวถัง ขาว White Orchid Pearl (NH-788 P)
หรือสีเงิน Alabaster Silver Metallic (NH-700M) คุณจะได้ภายใน
สีดำ แต่ถ้าเลือก สีเทา Modern Steel Metallic (NH-797M) สีดำ
Crystal Black Pearl (NH-731P) คุณจะได้ภายในสีเบจ โทรสว่าง
เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ทั้ง 2 ฝั่ง (พร้อมระบบจำตำแหน่งเบาะ
เฉพาะฝั่งคนขับ) รวมทั้งเบาะนั่งแถวหลัง มีพนักวางแขนแบบพับเก็บได้
พร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง กลางพนักพิงเบาะหลัง แผงประตูรวมทั้ง
ม่านหน้าต่างที่แผงประตูคู่หลัง แบบดึงขึ้นได้ด้วยตนเอง และม่านบังแดด
จากกระจกบังลมด้านหลัง เลื่อนขึ้น - ลง ได้ด้วยสวิตช์ไฟฟ้าใกล้คันเกียร์
รวมทั้ง สวิชต์ไฟฟ้าปรับตำแหน่งเบาะนั่งฝั่งซ้าย ข้างคนขับ ติดตั้งมาให้
บริเวณด้านข้างฝั่งขวาของพนักพิงเบาะ
ทั้งหมดข้างบนนี้ มีมาให้ใน Accord Hybrid รุ่น TECH ตัวท็อป ชนิดที่
เรียกว่า ไม่แตกต่างไปจาก Accord G9 รุ่น 2.4 TECH ทั้งสิ้น ยกมาให้
ครบหมดทั้งแพ็คเก็จ
ดังนั้น สัมผัสของเบาะนั่ง สามารถเข้าไปอ่านได้ใน บทความ Full Review
Honda Accord G9 ได้จาก Link ด้านล่างของบทความนี้
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่แท้จริงนั้น อยู่ที่ เบาะนั่งแถวหลัง ไม่สามารถ
แบ่งแยกพับพนักพิงลงมา เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของได้ เพราะด้านหลังของ
พนักพิงเบาะหลัง เป็นตำแหน่งติดตั้งของระบบแบ็ตเตอรี Hybrid นั่นเอง
ดังนั้น ในเมื่อ พับเบาะไม่ได้ ก็ต้องทำแผงปิดชุดแบ็ตเตอรีเอาไว้ เพื่อความ
สวยงามละป้องกันความชื้นไปในตัว
ถึงจะมีการติดตั้งแบ็ตเตอรีไว้ด้านหลังรถ แต่พื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังก็ยัง
มีความจุมากถึง 415 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA เยอรมัน ถึงแม้ว่าจะลดลง
จาก 450 ลิตร VDA ใน Accord G9 รุ่นมาตรฐานก็ตาม
เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือ Honda ตัดสินใจ ไม่ติดตั้งยางอะไหล่ แต่จะแถมชุด
ปะยางมาให้ทดแทน ดังนั้น หลุมวางยางอะไหล่จึงถูกแทนที่ด้วยช่องวางของ
แบบ 2 หลุม ซึ่งอาจไม่ค่อยเหมาะกับสภาพการใช้งานของลูกค้าชาวไทยนัก
อย่างที่รู้กันดีว่า ถนนบ้านเรา หลุมบ่อเยอะแยะ พร้อมจะฆาตกรรมเชือดเฉือน
ยางรถยนต์ของคุณทิ้งลงข้างทางได้ทุกเมื่อ!
(พูดถึงเรื่องนี้ อันที่จริง ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับค่ายรถยุโรป ที่เลือกใช้ยาง
แบบ Run Flat Tyre แทนการติดตั้งยางอะไหล่มาให้ลูกค้าชาวไทยด้วย
เนื่องจาก ยางแบบนี้ มีราคาแพงในสายตาผู้บริโภค อีกทั้ง ถ้าแตกหรือรั่วซึม
แม้จะยังแล่นต่อไปได้อีก 80 กิโลเมตร ด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/
ชั่วโมง แต่ผู้บริโภคก็อาจต้องเจอปัญหาว่า ร้านยางตามต่างจังหวัดบางแห่ง
อาจไม่มียาง Run Flat ในสต็อก ต้องเสียเงิน เสียเวลาเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น)
แผงหน้าปัด สวิตช์ติดเครื่องยนต์ วงกลมสีแดง และพวงมาลัย แบบ 4 ก้าน
ปรับระดับ สูง - ต่ำ และระยะ ใกล้ - ห่างจากผู้ขับขี่ ได้ครบทุกรุ่น หุ้มหนัง
ชั้นดี พร้อมฝีเย็บจริง ประดับด้วยลายไม้ ครึ่งท่อนบนของมือจับพวงมาลัย
พร้อมสวิตช์ควบคุมชุดเครื่องเสียง ระบบโทรศัพท์ Bluetooth รวมทั้งจอ
i-MID กับระบบรักษาระยะห่าง และเบรกเองได้ตามระยะห่างที่ปรับตั้งไว้
Adaptive Cruise Control และบรรดาก้านสวิตช์กับอุปกรณ์ต่างๆ นั้น
ยกชุดมาจาก Accord G9 รุ่น 2.4 TECH ทั้งยวง
แต่ความแตกต่างที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน อยู่ที่ ชุดมาตรวัด ซึ่งได้รับการ
ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถยนต์ Hybrid
วงกลมตรงกลาง ขนาดใหญ่ เป็นมาตรวัดความเร็ว ส่วนจอวงกลมตรงกลาง
เป็นจอแสดงข้อมูลต่างๆ Intelligent Multi-Information Display
(i-MID) แสดงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งแบบ Real Time และเฉลี่ย
ระยะทางที่น้ำมันในถังยังเหลือพอให้แล่นต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร เวลาเฉลี่ย
Trip Meter A และ B มาตรวัด Odo meter (นับระยะทางสะสมตั้งแต่
ออกจากโรงงาน) รวมทั้งแสดงการทำงานของระบบขับเคลื่อน Hybrid
หน้าจอฝั่งซ้าย เป็นมาตรวัดการใช้พลังงาน และการชาร์จไฟกลับเข้าระบบ
(Power & Charge Meter) ถ้าเหยียบคันเร่งน้อย แถบไฟจะป้วนเปี้ยน
แถวๆ สีเขียว ลงมาข้างล่างเยอะหน่อย เป็นการชาร์จไฟกลับเข้าแบ็ตเตอรี
แต่ถ้าเหยียบคันเร่ง เยอะ แถบไฟสีฟ้าจะสว่างขึ้นไปข้างบนในโซน Power
การทำงานของมาตรวัดนี้ จะสอดคล้องกับ แถบไฟแนวโค้ง ข้างมาตรวัด
ความเร็ว (ECO coaching Ambient Meter) เหยียบคันเร่งน้อยๆ ไฟ
จะเป็นสีเขียว แต่ถ้าเหยียบหนักๆ แถบไฟจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า
นอกจากนี้ หน้าจอฝั่งซ้ายมือยังแสดงตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ และไฟสีเขียว
รูปใบกัญชาจากสวิตช์ ECON On/Off เพื่อให้รู้ว่า กำลังเปิดระบบ ขับขี่
ประหยัด ทำให้เครื่องปรับอากาศ จะลดการทำงานลง ขณะเดียวกัน คันเร่ง
จะตอบสนองช้าลง เพื่อให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
หน้าจอฝั่งขวา เป็นมาตรวัดปริมาณไฟในแบ็ตเตอรี และ มาตรวัดน้ำมันในถัง
Accord Hybrid ไม่มีมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นมาให้ มีเพียงแค่สัญญาณ
เตือนเมื่อหม้อน้ำเริ่มร้อนจัด แค่นั้น
นอกจากนี้ รุ่น Hybrid TECH ตัวท็อป จะมีไฟหน้าแบบปรับระดับสูง - ต่ำ
อัตโนมัติ และกระจกมองข้างปรับมุมลงต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
เครื่องปรับอากาศทุกรุ่นเป็นแบบอัตโนมัติ Dual Zone แยกฝั่งซ้าย - ขวา
ทุกรุ่น ติดตั้งวิทยุ AM/FM พร้อมเครื่องเล่น CD/DVD/MP3/CD-R/WMA
แบบ 1 แผ่น พร้อมช่องเสียบ AUX และ USB 2 ช่อง ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
รองรับทั้ง iPod, iPhone และ Flashdrive ติดตั้งอยู่ที่กล่องเก็บของ บริเวณ
คอนโซลกลาง มีช่อง HDMI และรองรับการสั่งการด้วยเสียง SIRI
รุ่น มาตรฐาน จะให้ลำโพง 6 ชิ้น และหน้าจอมอนิเตอร์สี TFT 7.5 นิ้ว แต่รุ่น
Hybrid TECH จะได้ระบบเสียง Premium Sound System ให้ลำโพง
7 ชิ้น (เพิ่ม Sub Woofer) พร้อมจอมอนิเตอร์สี TFT 8 นิ้ว ฟังแล้วไม่ได้
แตกต่างไปจากเครื่องเสียงของ Accord G9 2.4 TECH เลย คุณภาพเสียง
ถือว่า ฟังได้ดี ไม่มีปัญหาใดๆ เสียงใสใช้ได้ เสียงเบส ยอมรับได้ และยังไม่ถึง
ขั้นเทพสุด เหมือนรถยนต์ Premium ระดับหรูในราคาแพง
นอกจากนี้ รุ่น Hybrid TECH จะติดตั้งระบบนำทาง Navigation System
โดยมี Harddisk ขนาด 100 GB สำหรับเก็บข้อมูลระบบนำทาง ซึ่งมีการใช้
เทคโนโลยี GPS ทำงานร่วมกับระบบ Gyroscopic และเซ็นเซอร์ตรวจจับ
ความเร็ว ที่จะคอยติดตามและระบุพิกัดตำแหน่งรถยนต์หากอยู่ภายใต้ที่
อับสัญญาญเช่นอุโมงค์ หรืออาคารจอดรถ
อีกทั้งยังมีฮาร์ดดิสก์ ในระบบเครื่องเสียง ขนาด 16 GB เพื่อจัดเก็บไฟล์
เพลง ทันทีที่ใส่แผ่น CD เข้าเครื่อง ระบบ Gracenote จะเริ่มบันทึกลง
HDD ทันที
ตำแหน่งช่องเก็บของ ตามจุดต่างๆภายในรถ รวมทั้งทัศนวิสัยจากตำแหน่ง
เบาะนั่งคนขับ เหมือนกันกับ Accord G9 รุ่นปกติ ทุกประการ
********** รายละเอียดทางวิศวกรรม และการทดลองขับ **********
ในอดีต เราอาจจะรู้จักระบบขับเคลื่อนแบบ Hybrid ของ Honda ในนามว่า IMA
(Integrated Motor Assist) ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่รถยนต์ Coupe 2 ประตู อย่าง
Honda Insight รุ่นแรก ในปี 1999 ข้อด้อยของระบบนี้ ก็คือ แม้จะมีมอเตอร์ไฟฟ้า
มาช่วยงาน แต่กลับให้สมรรถนะ และความประหยัดน้ำมันได้ไม่มากพอ ในมุมมองลูกค้า
Honda ก็เลยซุ่มพัฒนาระบบ Hybrid ขึ้นใหม่ และนับแต่นี้ต่อไป พวกเขาจะเรียก
ระบบ Hybrid ในชื่อใหม่ว่า "SPORT HYBRID" โดยจะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ
เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้า ในรถยนต์ 3 ประเภท ซึ่งแตกต่างกัน ดังนี้...
- Sport Hybrid "i-DCD" (Intelligent Dual Clutch Drive)
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ลูก เชื่อมเครื่องยนต์ เบนซิน 1,500 ซีซี Atkinson Cycle
และเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch (DCT) 7 จังหวะ วางในรถยนต์ขนาดเล็ก ทั้ง
Fit Hybrid /Jazz Hybrid และ City Hybrid / Grace Hybrid
- Sport Hybrid "i-MMD" (Intelligent Multi Mode Drive)
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูก เชื่อมเครื่องยนต์ เบนซิน 2,000 ซีซี Atkinson Cycle
ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ แบบ Electric Couple CVT ติดตั้งเฉพาะใน
Honda Accord Hybrid / Plug-in Hybrid
- Sport Hybrid "SH-AWD"
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ลูก แบบ Integrated Motor เชื่อมขุมพลัง V6 3,500 ซีซี
โดย มอเตอร์ลูกแรก อยู่ที่ล้อคู่หน้า ส่วนอีด 2 ลูกที่เหลือ ติดตั้งที่ล้อหลังทั้งฝั่งซ้าย
และขวา ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ระบบนี้จะถูกติดตั้งเฉพาะในรถยนต์นั่ง
Honda Legend / Acura RLX รุ่นใหม่ล่าสุด และ Honda NSX รุ่นต่อไป
ในเมืองไทย Honda Accotd Hybrid จะติดตั้งระบบ Sport Hybrid i-MMD
(Intelligent Multi-Mode Drive) เหมือนทั้งเวอร์ชันญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ
ระบบ Sport i-MMD ใน Accord Hybrid ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์สันดาป
รหัส LFA (ไม่เกี่ยวกับ Lexus นะครับ ชื่อแค่เหมือนรถสปอร์ตของเขาเฉยๆ) เป็น
บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,993 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 81.0 x 96.7
มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 จ่ายเชื้อเพลิง ด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์
Multi-Point PGM-FI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC มีวงรอบการจุดระเบิด
แบบ Atkinson Cycle
เครื่องยนต์ Atkinson นั้น อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ ปกติ ในระบบการเผาไหม้
ของเครื่องยนต์สันดาป 4 จังหวะ แบบ Otto ดั้งเดิมที่เรารู้จักกันดีนั้น จะทำงานตาม
ขั้นตอน 4 จังหวะ ต่อเนื่องกัน จำง่ายๆว่า "ดูด อัด ระเบิด คาย"
- "ดูด" (ไอดีเข้าห้องเผาไหม้)
- "อัด" (ปิดวาล์วไอดี ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นไปถึงด้านบนสุด หรือ"จุดศูนย์ตายบน"
เพื่ออัดส่วนผสมอากาศและไอดี)
- "ระเบิด" (หัวเทียนจะปล่อยประกายไฟออกมา จุดระเบิด แรงระเบิดจะผลัก
ลูกสูบให้เคลื่อนตัวลงต่ำไปจนสุด "จุดศูนย์ตายล่าง")
- "คาย" (วาล์วไอเสียเปิด ลูกสูบดันไอเสียที่เผาไหม้แล้ว คายออกไปผ่านทาง
ท่อร่วมไอเสีย)
ความแตกต่างของเครื่องยนต์ Atkinson Cycle ก็คือ ในช่วงจังหวะ "ดูด" ที่ลูกสูบ
จะเคลื่อนลงมาจนสุด หรีอที่เรียกว่าถึงจุดศูนย์ตายล่าง (Bottom Death Center)
ปกติ วาล์วไอดี จะต้องค่อยๆ ปิด ในช่วงที่ลูกสูบกำลังเคลื่อนตัวขึ้น
แต่เครื่องยนต์แบบ Atkinson จะยึดเวลาปิดวาล์วไอดีออกไปอีกนิดหน่อย ดังนั้น
เมื่อ ลูกสูบเลื่อนดันขึ้น วาล์วไอดีก็ยังเปิดค้างอยู่ ไอดีบางส่วน (ไม่ใช่ทั้งหมด)
ก็จะไหลออกกลับไปทางท่อร่วมไอดีอีกครั้ง ทำให้ไอดีไปค้างอยู่ในท่อร่วมไอดี
เพื่อรอรอบจุดระเบิดครั้งต่อไป รอให้วาล์วไอดีเปิดอีกครั้ง จึงจะไหลกลับเข้าไป
ยังห้องเผาไหม้อีกรอบ
เหมือนคุณหายใจนั่นละครับ จากที่สูดหายใจเข้าเต็มปอด ขณะต้องการอากาศ
เยอะๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นการหายใจแบบปกติ คือ สูดหายใจเข้าทีละเล็กละน้อย
นั่นเอง!!
กำลังสูงสุดจากเครื่องยนต์อย่างดียว อยู่ที่ 143 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 16.8 กก.-ม. (165 นิวตันเมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที
เชื่อมต่อเข้ากับ มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous แม่เหล็กถาวร
รุ่น MF8 แรงดันไฟฟ้า 700 โวลต์ ให้กำลัง 169 แรงม้า (PS) ที่ 3,857
ถึง 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 307 นิวตันเมตร (31.3 กก.-ม.) ที่
รอบตั้งแต่ 0 - 3,857 รอบ/นาที
มอเตอร์ไฟฟ้า ให้มา 2 ลูก ประกบติดกัน ในแบบ มอเตอร์คู่ ลูกหลักจะเป็น
มอเตอร์ระบบขับเคลื่อน ส่วนอีกลูกหนึ่ง จะทำตัวเป็น Generator เพื่อใช้
ปั่นไฟกลับไปเก็บในแบ็ตเตอรี
ทั้งหมดนี้ เชื่อมต่อกันด้วยโปรแกรมควบคุมการขับขี่ i-MDD (Intelligent
Multi Mode Drive powertrain) ที่สามารถทำงานได้ 3 โหมด ได้แก่
- EV Drive ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ Lithium-ion
เหมาะสำหรับการวิ่งด้วยความเร็วต่ำถึงปานกลางเพื่อเตรียมพร้อมทะยาน
ด้วยความเร็วสูง
- Engine Drive เครื่องยนต์จะส่งกำลังทั้งหมดไปยังล้อคู่หน้า ขณะขับขี่
ทางไกล เป็นหลัก อย่างเดียว
- Hybrid Drive เครื่องยนต์ กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ทำงานร่วมกัน เพื่อเน้น
ความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก
ส่วนแบ็ตเตอรีนั้น คราวนี้ Honda ฉีกหนี Toyota ด้วยการเปลี่ยนมาใช้แบ็ตเตอรี
Lithium - ion ขนาด 72 Volt / 5.0 Ah ความจุไฟฟ้า 1.3 กิโลวัตต์ / ชั่วโมง
ซึ่งเก็บไฟ และเอื้ออำนวยต่อการชาร์จไฟ ได้ดีกว่าแบ็ตเตอรีแบบเดิม ติดตั้งร่วมกับ
ระบบ IPU (Intelligent Power Unit) ช่วยในการตัดต่อกำลัง ประสานการ
ทำงานกันระหว่างเครืองยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และแบ็ตเตอรี
ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วย เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน E-CVT ซึ่งในความจริง
มันไม่มีเฟืองเกียร์ และไม่มีสายพาน แบบเกียร์ CVT ทั่วๆไป หากแต่คราวนี้
มาในรูปกลไกการทำงานของชุดเฟือง และคลุชต์ ที่ฝังอยู่ในมอเตอร์ของระบบ
ขับเคลื่อนกันไปเลย แต่ยังมีคันเกียร์ หน้าตาเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป เพื่อให้
สามารถใช้งานได้ง่าย
อัตราทดเกียร์ มาแปลกกว่ารถยนต์ทั่วไปสักหน่อยนะครับ
อัตราทดเกียร์ที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2.450 : 1 เครื่องยนต์ 0.803 : 1
อัตราทดเฟืองท้าย 3.421 : 1
นอกจากนี้ ยังมีปุ่ม EV Mode อยู่ใต้คันเกียร์ เพื่อให้สามารถ เปิด - ปิดระบบ
ขับเคลื่อนแบบใช้ไฟฟ้าจากมอเตอร์ เพียงอย่างเดียว ในช่่วงความเร็วต่ำได้
หลักการทำงาน ในเวอร์ชันที่ Honda ชี้แจงให้เราๆท่านๆได้รับรู้ อยู่ข้างล่างนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะอธิบาย ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ ระบบขับเคลื่อนของ Accord
Hybrid แม้ดูเหมือนจะมีอุปกรณ์ คล้ายกับรถยนต์ Hybrid ทั่วๆไป แต่ในการ
ทำงานจริง มันแตกต่างกันนะ!
สรุปให้เข้าใจได้ง่ายก็คือ Accord Hybrid ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก
โดยเครื่องยนต์ จะช่วยงานแค่ 2 อย่าง คือ
1. หน้าที่หลัก : ช่วยปั่นไฟส่งไปเก็บในแบ็ตเตอรี ปั่นมาก หรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
การเหยียบคันเร่ง หรือเบรก
2. หน้าที่รอง : ช่วยเร่งความเร็ว ทั้งขณะออกตัว ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ เท่านั้น!
ที่เหลือ ต้องทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟา หรือไม่เช่นนั้น ก็หยุดทำงานไปเลย!
อีกทั้งขณะขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ ยาวๆ เครื่องยนต์ จะตัดสลับมาเป็นมอเตอร์
แบบ EV Mode เป็นระยะๆ โดย IPU จะคำนวนจากปริมาณไฟในแบ็ตเตอรี
ถ้าไฟเหลือเยอะ ก็สั่งตัดการทำงานเครื่องยนต์ทิ้งทันที แล้วเข้าสู่ EV Mode
แต่ถ้าไฟในแบตเตอรีเหลือน้อยลง เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาทำงานใหม่ให้เองได้
ในทันที แม้ว่ารถจะแล่นอยู่ก็ตาม! โดยจะช่วยทั้ง ปั่นไฟส่งให้มอเตอร์ไปหมุน
ล้อขับเคลื่อน และปั่นไฟ ส่งให้ Generator ไปเก็บในแบ็ตเตอรี
********** การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย **********
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่แปะหราอยู่บนพาดหัวบทความนั้น คุณผู้อ่านคงจะ
ทราบกันแล้ว ว่า รถคันนี้ ทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้เท่าไหร่
สำหรับคนที่เป็นแฟนประจำของ Headlightmag.com คงทราบกันดีแล้วเช่นกัน
ว่าเราทำการทดลองกันอย่างไร
แต่สำหรับใครที่เพิ่งมาอ่านบทความนี้เป็นครั้งแรก ต่อไปนี้ คือวิธีการทดลองเพื่อหา
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเรา ที่ยึดถือกันเป็นมาตรฐาน มานานเกือบ 10 ปี ตั้งแต่
ตั้งแต่ก่อนก่อตั้งเว็บไซต์แห่งนี้เสียอีก!
เรายังคงใช้วิธีการทดลองตามมาตรฐานดั้งเดิม คือการพารถไปเติมน้ำมัน เบนซิน 95
Techron ที่สถานีบริการน้ำมัน Caltex บนถนนพหลโยธินใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS
อารีย์ ในช่วงกลางคืน
และในเมื่อ Accord เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง ค่อนข้างใหญ่ ถึงแม้จะมีคนอยากรู้ถึง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แต่ลูกค้าในกลุ่มนี้ ไม่ได้ซีเรียสกับตัวเลขกันมากขนาดนั้น
เราจึงตัดสินใจ เติมน้ำมัน ด้วยวิธี เติมเสร็จแล้วให้หัวจ่ายตัด ก็พอ ไม่ต้องเขย่ารถ
อย่างเช่นที่ต้องทำกับรถยนต์นั่งต่ำกว่า 2.0 ลิตร และรถกระบะ
เมื่อเราเติมน้ำมันจนเต็มถัง เราก็ คาดเข็มขัดนิรภัย ติดเครื่องยนต์ เปิดแอร์ ออกรถ
ไปเลี้ยวกลับบนถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายลัดเลาะไปตามซอยอารีย์ ออกปากซอย
โรงเรียนเรวดี เลี้ยวซ้าย มุ่งสู่ถนนพระราม 6 ไปเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วน ขับไปเรื่อยๆ
จนสุดปลายทางด่วนสายเชียงราก อุดรรัถยา ที่ด่านบางปะอิน ก่อนจะเลี้ยวกลับย้อน
ขึ้นทางด่วนสายเดิม ขับกลับมาเข้ากรุงเทพฯกันอีกครั้ง ด้วยมาตรฐานเดิมคือ
ใช้ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง เปิดแอร์ และ นั่ง 2 คน เราเปิดระบบควบคุม
ความเร็ว Adaptive Cruise Control เพื่อรักษาความเร็วของรถให้นิ่งขึ้น
เมื่อลงทางด่วนที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เราเลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนพหลโยธิน เลี้ยวกลับ
ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS อารีย์ เลี้ยวซ้ายเข้าสถานีบริการน้ำมัน Caltex พหลโยธิน
เพื่อเติมน้ำมันเบนซิน 95 Techron ให้เต็มถัง เอาแค่หัวจ่ายตัดพอ เหมือนครั้งแรก
เอาละ มาดูตัวเลขที่ Accord Hybrid รุ่นทำได้กันดีกว่า
รุ่น Hybrid TECH ล้อ 18 นิ้ว
ระยะทางที่แล่นไปบนมาตรวัด 93.4 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับเฉลี่ย 4.55 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 20.52 กิโลเมตร/ลิตร
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ที่เคยได้ชื่อว่าทำตัวเลขได้ดีที่สุดในกลุ่มรถยนต์นั่ง
Sedan ขนาดกลางค่อนใหญ่ อย่าง Toyota Camry Hybrid 2.5 ลิตร
แล้ว คงต้องยอมรับกันว่า Accord Hybrid สร้างสถิติตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง
ประหยัดน้ำมัน ได้เป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม แซง Camry Hybrid ไปเรียบร้อย
แถมยังครองตำแหน่ง รถญี่ปุ่น ประกอบในประเทศ ที่ประหยัดน้ำมันที่สุด
เท่าที่ Headlightmag.com เคยทำการทดลองมา อีกด้วย!
แต่ถ้าถามว่า น้ำมัน 1 ถัง สามารถแล่นได้ไกลแค่ไหน ตัวเลขจากทริปที่ผม
ได้มีโอกาสไปลองขับ ถึงจังหวัดกระบี่ แสดงให้เห็นว่า ถ้าขับแบบเรื่อยๆ
เน้นประหยัด สบายๆ ความเร็วคงที่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง คุณสามารถใช้
น้ำมันเบนซิน เต็มถัง แล่นได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมัน
1 ครั้ง แน่ๆ! และต่อให้จะขับแบบ เหยียบมิด พุ่งมุดซ้ายป่ายขวา ก็ยังจะ
ทำตัวเลขได้แถวๆ เกิน 600 กิโลเมตร ขึ้นไปได้อย่างแน่นอน
********** สรุป **********
แรงสุด และประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่ม
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆๆจาก
http://www.headlightmag.com/
1 ความคิดเห็น:
Poker Rooms At Wynn Casino: Review & Bonus Code - JamBase
I was looking for a quiet room to play poker in Vegas 춘천 출장안마 at the 과천 출장샵 Wynn. And so I 광주광역 출장샵 booked a room 광주광역 출장마사지 at Wynn Las Vegas that had 논산 출장샵 an open
แสดงความคิดเห็น
สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]
<< หน้าแรก